เพื่อใช้ใบหม่อนเป็นอาหารของหนอนไหม พื้นที่ปลูกที่เป็นดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์ พันธุ์หม่อนที่มีความต้านทานต่อโรคและทนแล้งที่นิยมปลูกกันมาก เช่น พันธุ์บุรีรัมย์ 60 พันธุ์นครราชสีมา60 พันธุ์ศรีสะเกษ 84 และพันธุ์สกลนคร
มีการเลี้ยงทั้งไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน พันธุ์ไทยลูกผสม และพันธุ์ต่างประเทศ ตามวงจรชีวิตหนอนไหมใช้เวลาประมาณ 41 – 51 วัน เมื่อได้รังไหมจะมีลักษณะวงรีมีทั้งสีเหลืองและสีขาวขึ้นอยู่กับพันธ์ไหม รังไหมจะประกอบด้วยเส้นใยคือโปรตีน Fibroin และ Serricin
เป็นกรรมวิธีดึงเส้นใยออกจากรังไหมให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ โดยนำรังไหมไปต้มใน น้ำร้อนประมาณ 5-10 นาที ความร้อนจากน้ำร้อนจะทำให้เปลือกรังอ่อนตัวลงจนสามารถดึงเส้นใยออกมาได้
เส้นไหมที่ได้จากการสาวไหมจะมีความกระด้างเนื่องจากมีกาวไหมเคลือบอยู่ ก่อนที่จะนำเส้นไหมไปใช้ต้องลอกกาวไหมออก โดยใช้ด่างธรรมชาติ เช่น น้ำขี้เถ้า หรือสารเคมีที่ปลอดภัย เส้นไหมที่ผ่านการลอกกาวจะมีลักษณะสีขาวมัน วาว อ่อนนุ่ม สามารถย้อมติดสีต่างๆ ได้ดี
สามารถใช้วัสดุจากธรรมชาติ และการใช้สีเคมีที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม การย้อมสีเส้นไหมด้วยวัสดุจากธรรมชาติมี 2 วิธี คือ การย้อมร้อน และการย้อมเย็น เช่น คราม ฮ้อม
คือการทอเส้นไหมยืนและเส้นไหมพุ่งขัดกัน จะขัดกันแบบธรรมดาที่เรียกว่าลายขัดหรืออาจจะเพิ่มเทคนิคพิเศษเพื่อให้ผ้ามีลวดลาย สีสันที่สวยงามแปลกตา เทคนิคการสร้างลวดลายจากทอผ้าไหม ได้แก่ การทอผ้ายก การทอผ้าจก การทอผ้าขิด และการทอผ้ามัดหมี่